โวหารการเขียน
มี ๕
โวหาร คือ บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร เทศนาโวหาร สาธกโวหาร
1. บรรยายโวหาร คือ
โวหารที่ใช้เล่าเรื่อง หรืออธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ตามลำดับเหตุการณ์
การเขียนบรรยายโวหาร จะมุ่งความชัดเจน เขียน ตรงไปตรงมา รวบรัด
กล่าวถึงแต่สาระสำคัญไม่จำเป็นต้องมีพลความ หรือความปลีกย่อยเสริม ในการเขียนทั่ว
ๆ ไปมักใช้บรรยายโวหาร
เพราะเหมาะในการติดต่อสื่อสารเนื่องจากสำนวนประเภทนี้มุ่งสาระเขียนอย่าง สั้น ๆ
ได้ความชัดเจนงานเขียนที่ควรใช้บรรยายโวหาร ได้แก่ การเขียนอธิบายประเภทต่าง ๆเช่น
เขียนรายงานวิทยานิพนธ์ ตำรา บทความ การเขียนเพื่อเล่าเรื่อง เช่น บันทึก
จดหมายเหตุ การเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็นประเภทบทความเชิงวิจารณ์ ข่าว เป็นต้น
หลักการเขียนบรรยายโวหาร
2) เลือกเขียนเฉพาะสาระสำคัญ
ไม่เน้นรายละเอียด แต่เขียนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม
3) ใช้ภาษาให้เข้าใจง่าย
หากต้องการจะกล่าวให้ชัดอาจใช้อุปมาโวหารและสาธกโวหารเข้าช่วยได้บ้าง
แต่ต้องไม่มากจนส่วน ที่เป็นสาระสำคัญกลายเป็นส่วนด้อยไป
4) เรียบเรียงความคิดให้ต่อเนื่อง
และสัมพันธ์กัน
จากเรื่อง “ พ่อเล่า ” ของ จารุณี สูตะบุตร
2) ต้องมีใจความดี แม้จะพรรณนายืดยาว แต่ใจความต้องมุ่งให้เกิดภาพ
และอารมณ์ความรู้สึกสอดคล้องกับเนื้อหาที่กำลังพรรณนา
3) อาจต้องใช้อุปมาโวหาร คือ การเปรียบเทียบเพื่อให้ได้ภาพชัดเจน
และมักใช้ศิลปะการใช้คำที่เรียกว่า ภาพพจน์ประเภทต่าง ๆ
ทั้งนี้เป็นวิธีการที่จะทำให้พรรณนาโวหารเด่น ทั้งการใช้คำ
และการใช้ภาพที่แจ่มแจ้ง อ่านแล้วเกิดจินตนาการและความรู้สึกคล้อยตาม
4) ในบางกรณีอาจต้องใช้สาธกโวหารประกอบด้วย คือ
การยกตัวอย่างเพื่อให้เกิดความแจ่มแจ้ง โดยยกตัวอย่างสิ่งที่ละม้ายคล้ายคลึงกัน
เพื่อให้เกิดภาพและอารมณ์เด่นชัดพรรณนาโวหารมักใช้กับการชมความงามอื่น ๆ เช่น
ชมสถานที่ สรรเสริญบุคคล หรือใช้พรรณนาอารมณ์ ความรู้สึก เช่น รัก เกลียด โกธร
แค้น เศร้าสลด เป็นต้น
ตัวอย่างการพรรณนาโวหาร
จาก “กตัญญูพิศวาส” ของ หยก บูรพา
พอใบไหวพลิกริกริกมา
ก็รู้ว่าวันนี้มีลมวก
เพียงกระเพื่อมเลื่อมรับวับวับไหว
ก็รู้ว่าน้ำใสใช่กระจก
เพียงแววตาคู่นั้นหวั่นสะทก
ก็รู้ว่าในอกมีหัวใจ “
( เพียงความเคลื่อนไหว ของเนาวรัตน์ พงศ์ไพบูลย์ )
3. เทศนาโวหาร หมายถึง
โวหารที่มีจุดหมายแสดงความแจ่มแจ้งเพื่อให้ผู้อ่านคล้อยตามหรืออาจกล่าวได้
ว่ามุ่งชักจูงให้ผู้อ่าน คิดเห็นหรือคล้อยตามความคิดเห็นของผู้เขียนเทศนาโวหาร
จึงยากกว่าโวหารที่กล่าวมาแล้วทั้ง 2 โวหาร
เพราะต้องใช้กลวิธีในการชักจูงใจเป็นถ้อยคำโวหารที่ใช้อธิบายความคิดเหตุผล
โดยต้องการให้ผู้อ่านเข้าใจและเห็นด้วย เกิดความเชื่อถือและปฏิบัติตาม
วิธีการเขียน ผู้เขียนต้องเขียนอธิบาย หรือให้คำจำกัดความของสิ่งที่จะชี้แจงก่อน
จากนั้นจึงกล่าวถึงเหตุผลที่จะเกิดตามมา
อธิบายคุณและโทษพร้อมยกตัวอย่างประกอบหรือเปรียบเทียบให้ผู้อ่านเข้าใจดี ขึ้น
การยกตัวอย่างประกอบเรื่องรวในเทศนาโวหารนั้นเป็นสาธกโวหารประกอบเทศนาโวหาร เสมอ
จากเรื่อง “ เหมือนๆ จะแพ้แต่ไม่แพ้ ”
ของธรรมจักร สร้อยพิกุล
“ บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเวงแว่ว
สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา
ประคองพาขึ้นไปจนบนบรรพต
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
อันเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน ( สุนทรภู่ )
๒.
ตัวอย่างที่ยกมาประกอบต้องสอดคล้องสัมพันธ์กับเนื้อความในเทศนาโวหารหรือบรรยายโวหาร
๓.
ต้องยกตัวอย่างชัดเจนใช้ถ้อยคำง่าย และควรสรุปหลังจากยกตัวอย่างประกอบแล้ว
ให้เห็นความสำพันธ์ของเทศนาโวหารกับสาธกโวหารหรือบรรยายโวหารกับสาธกโวหาร
สุรพล ดวงแข : นิตยาสาร “สาระคดี”
ฉบับที่ ๖๕ ปีที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๓๓
ในเมืองเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ไกลสุดโพ้นทะเลมีพระราชาพระองค์หนึ่งเป็นผู้ที่หวงแหนพระราชธิดามาก
พระองค์มีธิดา
เพียงองค์เดียว
ดังนั้นจึงเอาอกเอาใจบำรุงบำเรอให้ความสุขความสำราญเต็มที่
และเจ้าหญิงองค์นี้ก็มีพระสิริโฉมงดงามที่สุด
อยู่มาวันหนึ่งเจ้าหญิงได้ออกมาเดินเล่นในอุทยานดอกไม้เดินไปก็ร้องเพลงไปน้ำเสียงของเจ้าหญิงช่างอ่อนหวานและ
กัง วาลยิ่งนัก
ในขณะที่เดินชมสวนอยู่ก็ได้พบกับองครักษ์หนุ่มของพระราชาเข้าโดยบังเอิญทั้ง
สองตกหลุมรักกันในทันที
แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าองครักษ์หนุ่มผู้นี้ต่ำต้อยด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ เหลือเกินจึงได้แต่เก็บความรู้สึกไว้ในใจ
เมื่อพระราชาทรงทราบข่าวก็กริ้วมาก จึงขับไล่องครักษ์ออกจากวัง
เจ้าหญิงเสียพระทัยมาก
ต่อมาพระราชาจึงให้เจ้าหญิงอภิเษกกับเจ้าชายต่างเมืององครักษ์ผู้นี้จึงได้แอบติดตามข่าวของเจ้าหญิงอยู่เงียบๆ
เขา
คิด ว่าตนเองนี้ต่ำต้อยเสียเหลือเกิน
ถึงปรารถนาเจ้าหญิงมาครองคู่แต่ก็เพียงแค่มองไม่าสมารถไขว่ขว้าไว้กับตนได้
อุปมาดั่ง"กระต่ายหมายจันทร์"
ใน
การเปิดเรียนภาคแรก นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่1 เป็นนักเรียนใหม่ในโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง
ณ ห้อง ม.1/20 นักเรียนทุกคนเป็นนักเรียนเรียนดี
ในห้องนี้มีนักเรียนคนหนึ่งชื่อ”จุ๊บแจง” ชอบ พูดตาโอ้อวดว่าเป็นคนฉลาด สวย รวย
มีความพร้อมทุกอย่างและชอบพูดจาดูถูกผู้อื่น คิดว่าตนเองนั้นเก่งอยู่คนเดียว ณ
อีกมุมหนึ่งของห้องมีนักเรียนอีกคนหนึ่ง ชื่อ “หนุงหนิง”
หนุงหนิงเป็นเด็กเรียบร้อยไม่ค่อยพูด แต่เวลาเพื่อนมาถามการบ้านก็สอนให้เสมอ
วันหนึ่งจุ๊บแจงก็ได้พูดกับเพื่อนในห้องว่า”สอบครั้งนี้ฉันต้องได้ที่หนึ่งอย่างแน่นอน
ไม่มีใครเรียนดีเท่าเราหรอก” เมื่อ ผลสอบปลายภาคออกมา ปรากฎว่าไม่เป็นดังที่จุ๊บแจงพูดไว้
แต่คนได้ที่หนึ่งกับเป็นหนุงหนิง เมื่อเพื่อนๆรู้ผลสอบก็ชื่นชมหนุงหนิงว่า”แหม
หนุงหนิงเธอนี่คมในฝักจริงๆเลยนะ” จุ๊บแจงจึงเสียใจและเสียหน้ามาก
และไม่มีใครสนใจจุ๊บแจงเลย
มีผู้หญิง สองคนชื่อ หมี และ เหมียว เขาทำงานอยู่ที่บริษัทเดียวกัน
วันหนึ่งแมวได้เห็นหมี นำเงินของบริษัทมาใช้
เมื่อหมีรู้เข้าจึงขอร้องให้แมวอย่านำเรื่องนี้ไปบอกเจ้านาย
แมวจึงขอส่วนแบ่งจากเงินที่ได้มาเพื่อเป็นค่าปิดปาก จากนั้นแมวกับหมีก็ได้ร่วมมือกันโกงเงินของบริษัท
เมื่อเจ้านายตรวจบัญชีดูจึงเรียกทั้งสองคนมาถาม
แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ต่อมาไม่นานเมื่อเจ้านายรู้ความจริงว่าทั้งสองร่วมมือกันโกงเงินบริษัท
จึงได้ไล่ทั้งสองคนออกจากบริษัท
“ คือรูปรสกลิ่นเสียงไม่เที่ยงแท้
ย่อมเฒ่าแก่เกิดโรคโศกสงสาร
ความตายหนึ่งพึงเห็นเป็นประธาน
หวังนิพพานพ้นทุกข์สุขสบาย
ซึ่งบ้านเมืองเคืองเข็ญถึงเช่นนี้
เพราะโลกีย์ตัณหาพาฉิบหาย
อันศีลห้าว่าอย่าทำให้จำตาย
จะตกอบายภูมิขุมนรก
วิธีการเขียนเปรียบเทียบมีดังนี้
- หญิงสาวสวยเหมือนบัวที่วางอยู่กลางบึง
- เขาเป็นคนดุร้ายราวกับเสือ
- เด็กๆ
เป็นผู้บริสุทธิ์สะอาดประดุจผ้าขาวที่ไม่มีรอยเปื้อน
๒.
เปรียบเทียบโดยโยงความคิดผู้อ่านไปสู่สิ่งหนึ่ง เช่น ชีวิตเหมือนนวนิยาย
เรื่องตลกเหมือนเรื่องศรีธนญชัย เป็นต้น
ตัวอย่าง
“ ปางพี่มาดสมานสุมาลย์สมร
ดังหมายดวงหมายเดือนดารากร
หลักการเขียนบรรยายโวหาร
1) เรื่องที่เขียนต้องเป็นเรื่องจริง
ผู้เขียนควรมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนเป็นอย่างดี
โดยอาจรู้มาจากประสบการณ์ หรือการค้นคว้าก็ได้
ตัวอย่างบรรยายโวหาร
“ … ทุก ครั้งที่พ่อไปเมืองนอก
พ่อหาโอกาสไปดูสถานที่น่าสนใจและดูความเปลี่ยนแปลง
ความก้าวหน้าของชาติต่างๆอยู่เสมอ
และพ่อจะกลับมาเล่าให้ฟังอย่างมีระบบและละเอียดลออพร้องทั้งของฝากที่น่า สนใจ
ครั้งหนึ่งพ่อซื้อตุ๊กตามาฝากจุ๊ เป็นตุ๊กตาประหลาด เพราะมันหลับตาและลืมตาได้
สวยจนเราแทบไม่น่าจับ แต่จี๊ดสนใจมาก
จนอยากรื้อออกมาดูว่ามีกลไกอะไรที่ทำให้มันหลับตาได้… ”
2. พรรณนาโวหาร มีจุดมุ่งหมายในการเขียนต่างจากบรรยายโวหาร
คือมุ่งให้ความแจ่มแจ้ง ละเอียดลออ
เพื่อให้ผู้อ่านเกิดอารมณ์ซาบซึ้งเพลิดเพลินไปกับข้อความนั้นการเขียนพรรณา
โวหารจึงยาวกว่าบรรยายโวหารมาก แต่มิใช่การเขียนอย่างเยิ่นเย้อ
เพราะพรรณนา-โวหารต้องมุ่งให้ภาพ และอารมณ์ ดังนั้น จึงมักใช้การเล่นคำ เล่นเสียง
ใช้ภาพพจน์ แม้เนื้อความที่เขียนจะน้อยแต่เต็มด้วยสำนวนโวหารที่ไพเราะ
อ่านได้รสชาติเป็นโวหารที่ใช้ถ้อยคำอธิบายหรือบรรยายสิ่งที่พบเห็นอย่าง ละเอียด
โดยใช้สำนวนโวหารที่ไพเราะสอดแทรกอารมณ์ความรู้สึกของผู้เขียน เพื่อให้ผู้อ่านเกิดความประทับใจและความซาบซึ้งมีความรู้สึกและเห็นภาพตามไป
ด้วยกับคำพรรณนาโวหาร วิธีการเขียนพรรณนาโวหาร
ผู้เขียนต้องรู้จักใช้ถ้อยคำที่ประณีตให้ความรู้สึกโดยหยิบยกลักษณะสำคัญมา กล่าว
การใช้ถ้อยคำในการบรรยายลักษณะจะใช้ถ้อยคำที่แสดงรูปธรรม เช่น บอกลักษณะ สีสัน รูปร่าง
เวลาเพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพชัดเจน หรือใช้ถ้อยคำทำให้เกิดความไพเราะ
หลักการเขียนพรรณนาโวหาร
1) ต้องใช้คำดี หมายถึง
การเลือกสรรถ้อยคำ เพื่อให้สื่อความหมาย สื่อภาพ
สื่ออารมณ์เหมาะสมกับเนื้อเรื่องที่ต้องการบรรยายควรเลือกคำ ที่ให้ความหมายชัดเจน
ทั้งอาจต้องเลือกให้เสียงคำสัมผัสกันเพื่อเกิดเสียงเสนาะอย่างสัมผัสสระ
สัมผัสอักษร ในงานร้อยกรอง
“ … จิวยืนอยู่ห่างจากเต่านั้นเล็กน้อย
เขานุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม
ท่อบนของร่างกายเปล่าเปลือยผิวขาวจัดของเขาถูกกระไอร้อนของน้ำมันที่เดือด
พล่านอยู่ในกระทะรมเสียจนขึ้นเสียระเรื้อแดง และเหงื่อที่พรั่งผุดออกมาตามขุมขนสะท้านกับเปลวไฟที่แลบเลียอยู่ขอบกระทะแล
เป็นเงาวับเขากำลังใช้ตะหลิวด้าวยาวคนกวนชั้นมันหมูที่กำลังถูกเคี่ยวลอย
ฟ่องอยู่มนกระทะอย่างขะมักเขม้น
สองมือของเขากำอยู่ที่ด้าวตะหลิวท่อนแขนที่ค่อยๆกวนตะหลิวไปมานั้นเกร็งเล็ก น้อย
จนแลเห็นกล้ามเนื้อขึ้นเป็นลอนเมื่อมองผาดผ่านมายังลำตัวของเขาหล่อนก็
ประจักษ์ถึงความล่ำสันแข็งแรงแผงอก แม้จะไม่กำยำผายกว้าง
แต่ก็มีมัดกล้ามขึ้นเป็นลอนดูทรงพลังหน้าท้องราบเรียบบ่งบอกว่าทำงานออก
กำลังอยู่เป็นนิจ เอวค่อนข้างคอดเป็นรูปสวยรับกับท่อนขาที่ยาวแบบคนสูงเมื่อเขายืนแยกขาออก
ห่างจากกันเพื่อได้รับน้ำหนักได้เหมาะสมด้วยเช่นนี้
แลดูเหมือนเสากลมเรียวสองต้นที่ประสานลำค้ำจุนร่างกายของเขาอย่างมั่นคง… ”
ตัวอย่าง
“ ชั่วเหยี่ยวกระหยับปีกกลางเปลวแดด
ร้อนที่แผดก็ผ่อนเพลาพระเวหา
หลักการเขียนเทศนาโวหาร
การเขียนเทศนาโวหารต้องใช้โวหารประเภทต่าง
ๆ มาประกอบ กล่าวคือทั้งใช้บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร รวมทั้งอุปมาโวหาร และ
สาธกโวหารด้วย ทั้งนี้เพื่อให้ใจความชัดเจนแจ่มแจ้ง
มีทั้งความหลักและความรองเป็นที่เข้าใจจนเกิดความรู้สึกนึกคิดคล้อยตามผู้ เขียน
ไปได้หากเป็นการแสดงความคิดเห็นควรอธิบายทั้งด้านที่เป็นประโยชน์และโทษ
หรือแสดงเหตุและผลการเขียนเทศนาโวหาร ผู้เขียนต้อง
มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เขียนเป็นอย่างดี สามารถอธิบายอย่างชัดเจน
ทั้งควรพรรณนาให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ต้องรู้จักใช้เหตุผล
และหลักฐานสนับสนุนความคิดเห็นที่ตนเสนอด้วย
การลำดับความให้สัมพันธ์กันอย่างมีเหตุผลจึงเป็นหลักสำคัญอีกประการหนึ่ง
ในการเขียนเทศนาโวหารโดยทั่วไปมักเข้าใจกันว่า เทศนาโวหาร แปลว่า
โวหารที่มุ่งสั่งสอน โดยตีความคำว่าเทศนา ว่าสั่งสอน ความจริงเทศนาในที่นี้
หมายถึง แสดง กล่าวคือ แสดงอย่างแจ่มแจ้งเพื่อให้เห็นคล้อยตาม
รูปแบบงานเขียนที่ควรใช้เทศนาโวหารคือ งานเขียนประเภทบทความชักจูงใจ
หรือบทความแสดงความคิดเห็น ความเรียง เป็นต้น
ตัวอย่างเทศนาโวหาร
การอบรม
สั่งสอนลูกเคร่งครัดมากมายเกินไป ก็อาจเป็นผลร้ายได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นวิธีเลี้ยงลูกที่ดีก็คือ
เดินตามทางสายกลาง อย่าให้ตึงหรือหย่อนเกินไป
ควรเปิดโอกาสให้เด็กหรือลูกได้ใช้ความคิด ได้ทดลอง
ได้มีประสบการณ์ต่างๆได้รู้วิธีช่วยตัวเอง
ได้ฝึกแก้ปัญหาของตัวเองให้มากส่วนที่จะควบคุมกันควรเป็นแต่เรื่องกรอบของ
กฎหมายและศีลธรรมเท่านั้นการสอนให้เขาได้ทำกิจกกรมที่เป็นประโยชน์ที่เขาพอ
ใจให้มากย่อมีกว่าการตั้งแต่ข้อห้าม หรือการให้ทำตามคำสั่งแต่ฝ่ายเดียว
ตัวอย่าง
…โยคีสอนสุดสาครในเรื่องพระอภัยมณี
4. สาธกโวหาร คือ
โวหารที่มุ่งให้ความชัดเจน
โดยการยกตัวอย่างเพื่ออธิบายให้แจ่มแจ้งหรือสนับสนุนความคิดเห็นที่เสนอให้
หนักแน่น น่าเชื่อถือ สาธกโวหารเป็นโวหารเสริม บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร
และเทศนาโวหารเช่นการเลือกยกตัวอย่างมีหลักที่ควรเลือกให้เข้ากับเนื้อความ
อาจยกตัวอย่างสั้น ๆ
ในบรรยายโวหารหรืออาจยกตัวอย่างที่มีรายละเอียดประกอบในพรรณนาโวหาร และเทศนาโวหาร
เป็นต้น ในการเขียนข้อเขียนต่าง ๆ นิสิตควรรู้จักเลือกใช้โวหารให้เหมาะกับจุดมุ่งหมายในการเขียนและเนื้อหาใน
บางโอกาส อาจต้องใช้โวหารหลายชนิดในงานเขียนชิ้นหนึ่งก็ได้
หลักสำคัญอยู่ที่ว่าต้องเลือกใช้ให้เหมาะสมกับโอกาส
จุดมุ่งหมายและเขียนได้อย่างถูกต้อง ตามลักษณะโวหารนั้น
ๆเป็นการยกตัวอย่างประกอบเรื่องราว เพื่อให้ข้อความนั้นเด่นชัดขึ้น
หรือข้อเปรียบเทียบประกอบอย่างมีเหตุผล
การเขียนสาธกโวหาร
๑.
การเขียนสาธกโวหารจะเขียนควบคู่กับเทศนาโวหาร หรือบรรยายโวหาร
โดยการยกตัวอย่างประกอบ
ตัวอย่างสาธกโวหาร
ใน เรื่องน้ำ
เรามองว่าประเทศไทยมีน้ำเยอะแยะ เราไม่เคยคิดประหยัดว่าจะใช้น้ำคุ้มค่าที่สุดอย่างไร
เช่น น้ำที่เหลือจากการซักล้าง เราก็ควรจะเอาไปรดน้ำต้นไม้
ความประหยัดเป็นจุดหนึ่งของการลดความต้องการที่เพิ่มขึ้น
การที่เราจะต้องการพื้นที่การเกษตรปลูกผลิตผลการเกษตรให้มากขึ้น
ถ้าเรารู้จักประหยัด เราก็จะไม่ต้องการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกมากขึ้น
เรื่องอาหารก็จะลดลงไป อย่างเช่นการดื่มกาแฟในการประชุมหลายแห่ง
แม้แต่การประชุมนานาชาติ ผมไม่รู้ว่ากาแฟเททิ้งกันเท่าไหร่ แล้วกาแฟมาจากไหน
ก็มาจากป่าเขตร้อนป่าเขตร้อนที่โดนทำลายไปเพราะคนพื้นเมืองต้องการทำลายป่า
เพื่อขยายพื้นที่ปลูกกาแฟ เพราะกาแฟราคาดี มันมีผลถึงกันหมด
ตัวอย่าง เขาหลงรักเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์
ตัวอย่าง คนที่เขาฉลาดจริงๆ เขาไม่โอ้อวดหรอก
อย่างที่เขาเรียกว่า”คมในฝัก”
ตัวอย่าง คนอย่างเขาสองคนเรียกว่าไก่เห็นตีนงู
งูเห็นนมไก่
ตัวอย่าง …โยคีเทศนาทหารทัพลังกาและเมืองผลึกในเรื่องพระอภัยมณี
5. อุปมาโวหาร หมายถึง
โวหารเปรียบเทียบ โดยกตัวอย่าง
สิ่งที่คล้ายคลึงกันมาเปรียบเพื่อให้เกิดความชัดเจนด้านความหมาย ด้านภาพ
และเกิดอารมณ์ ความรู้สึกมากยิ่งขึ้น กล่าวได้ว่าอุปมาโวหาร คือ
ภาพพจน์ประเภทอุปมานั่นเอง อุปมาโวหาร ใช้เป็นโวหารเสริม บรรยายโวหาร พรรณนาโวหาร
และเทศนาโวหาร เพื่อให้ชัดเจนน่าอ่าน โดยอาจเปรียบเทียบอย่างสั้น ๆ
หรือเปรียบเทียบอย่างละเอียดก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุปมา
โวหารนั้นจะนำไปเสริมโวหารประเภทใดเป็นโวหารสำนวนเปรียบเทียบ เพื่อ
ใช้ประกอบข้อความในสาธกโวหาร บรรยายโวหาร พรรณนาโวหารได้เด่นชัดขึ้น
ดังตัวอย่างในพรรณนาโวหารจากเรื่องกตัญญูพิศวาสที่กล่าวมาแล้วดังข้อความ
“แลดูเหมือนเสากลมเรียวสองต้นที่ประสานลำค้ำจุนร่างกายของเขาอย่างมั่นคง”
วิธีการเขียนเปรียบเทียบมีดังนี้
๑.
เปรียบเทียบของสิ่งหนึ่งเหมือนสิ่งหนึ่ง จะมีคำว่า เหมือน ราวดุจว่า เช่น ดัง
เป็นตัวเชื่อมข้อความ
ตัวอย่างอุปมาโวหาร
เขา กาแฟในถ้วย โดยไม่หันมามอง
น้ำสีดำหมุนติ้วเป็นวงลึกเหมือนวังน้ำวนในนิยายผจณภัยสยองขวัญ
สักครู่มันก็แปรเป็นสีน้ำตาลอ่อนเพราะนมข้นหวานที่นอนก้นอยู่สองเซนติเมตร ครึ่ง
เขาหยกช้อนสีเหรียญบาทขึ้นละเลียดด้วยปลายลิ้น
ขณะที่สบตาจับจ้องอยู่ที่พาดหัวข่าวประจำวัน
อันลอยพื้นอำพรพโยมพราย "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น